Lumpoo-BangKraSorb

Lumpoo-BangKraSorb

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตำนานรักหิ่งห้อยกับลำพูและหิ่งห้อยกับดวงดาว

ตำนานรักหิ่งห้อยกับลำพูและหิ่งห้อยกับดวงดาว
                หิ่งห้อยทั่วโลกมีประมาณ 2,000 ชนิด กระจายอยู่ทั่วไป พบมากในเขตร้อนชื้น จากการสำรวจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พบหิ่งห้อย 21 ชนิด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยใกล้แหล่งน้ำมีวงจรชีวิตช่วงหนึ่งเป็นตัวหนอนอยู่ในน้ำอีกกลุ่มอาศัยอยู่ตามพื้นดินที่แห้ง
                จากการศึกษาพบว่าหิ่งห้อยตัวเต็มวัยไม่กินอาหารกินเพียงน้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้ ส่วนในช่วงที่เป็นตัวหนอนจะกิน (หอย, ไส้เดือน, กิ้งกือและแมลงเล็ก ๆ ) อาหารต่างกันไปในแต่ละชนิดแต่ส่วนใหญ่อาหารของหิ่งห้อยคือหอยชนิดต่าง ๆ หิ่งห้อยที่เป็นอาหารหิ่งห้อยหลายชนิดเป็นพาหะนำโรคมาสู่คนได้แก่โรคพยาธิใบไม้ โรคเชื้อหุ้มสมองอักเสบ ในเวลากลางวันหิ่งห้อยจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามพงหญ้าหรือวัชพืชที่ชื้นแฉะหรือตามกาบไม้ ซอกไม้ ในเวลากลางคืนจึงบินออกมาจับคู่ผสมพันธุ์วางไข่
                วงจรชีวิตของหิ่งห้อย
              หิ่งห้อยเป็นแมลงชนิดหนึ่งจึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง4 ระยะ ก่อนจะเป็นตัวเต็มวัย ส่งแสงให้เห็นกัน คือ ระยะแรกเป็นไข่ ระยะตัวอ่อน ระยะดักแด้ และระยะตัวเต็มวัย หิ่งห้อยตัวเต็มวัย จะผสมพันธุ์วางไข่บริเวณโคนต้นพืชหรือหญ้า บนบก หรือในน้ำแล้วแต่ชนิดของหิ่งห้อย โดยทั่วไป ไข่ของหิ่งห้อยจะมีสีเหลือง ลักษณะกลมรี วางไข่เป็นกลุ่ม 5 – 130 ฟอง แล้วแต่ชนิด และใช้เวลา จากไข่จนถึงตัวเต็มวัย 3 – 4 เดือน จนถึง 1 ปี แตกต่างกันไปตามชนิดของหิ่งห้อย และมีชีวิตส่องแสงได้ประมาณ 1 – 2 เดือน
                กระบวนการเกิดแสงของหิ่งห้อย
            แสงของหิ่งห้อยเป็นแสงเย็น เพราะกระบวนการส่องแสงของหิ่งห้อยเกิดความร้อนน้อยมาก หลอดไฟทั่วไปจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานความร้อน 90% อีก 10% เป็นแสงสว่าง แต่หิ่งห้อยจะเปลี่ยนพลังงานเคมีในร่างกายเป็นแสงสว่าง 90% อีก 10% เป็นความร้อน แสงของหิ่งห้อยเกิดจากปฏิกิริยา
                ชีวเคมีในร่างกายเริ่มจากสมองหลั่งสารเคมีชื่อ ไนตริกออกไซด์ส่งสัญญาณไปที่เซลล์ส่วนท้องให้กระตุ้นการทำงนของเอ็มไซม์โดยใช้ออกซิเจนร่วมด้วย แปลงสารเคมีในเซลล์เกิดเป็นพลังงานแสง โดยมีเซลล์ประสาททำหน้าที่ควบคุมการกระพริบของแสง
หิ่งห้อยจะกระพริบแสงเวลากลางคืนทุก ๆ 24 ชั่วโมง เป็นประจำ แม้เราจะจับหิ่งห้อยขังไว้ในที่มืดหากไม่ถึงเวลาหิ่งห้อยก็จะไม่กระพริบแสง โดยปกติหิ่งห้อยส่องแสงในเวลาโพล้เพล้ และมีรูปแบบการกระพริบแสงถึง 200 แบบ
                หิ่งห้อยที่บินส่องแสงมักจะเป็นตัวผู้ ส่วนตัวเมียชอบเกาะนิ่ง ๆ บนใบไม้กิ่งไม้ (หิ่งห้อยตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ส่วนใหญ่บินไม่ได้ บางที่เรียกหนอนกระสือ) แสงที่กระพริบใช้สำหรับ สื่อสารกับเพศตรงข้าม ตัวผู้ใช้เกี้ยวพาราสีตัวเมีย ตัวเมียใช้ตอบรับการเกี้ยวของตัวผู้โดยตัวผู้จะกระพริบก่อน เมื่อตัวเมียพอใจจะกระพริบแสงตอบเพื่อให้ตัวผู้บินไปหาถูกจังหวะการกระพริบจะต่างกันไปตามชนิดของหิ่งห้อย ตามปกติชาวบ้านเมื่อเห็นหิ่งห้อยบินออกมากระพริบแสงก็เป็นการส่งสัญญาณว่า ฤดูร้อนกำลังจะมาเยือนนั่นเอง

                การจัดการหิ่งห้อยเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
              สิ่งสำคัญในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยการพาชมหิ่งห้อยนั้นสำคัญที่สุด คือ ต้องให้ชาวบ้านรู้ว่าหิ่งห้อยมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร กินอะไรเป็นอาหาร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หิ่งห้อยไม่ชอบเสียงดัง หิ่งห้อยไม่ชอบความสกปรก ดังนั้นต้องช่วยกันดูแลความสะอาดของแม่น้ำลำคลองถิ่นอาศัยขยายพันธุ์ของหิ่งห้อย ไม่ฉายไฟ ไม่เขย่าต้นไม้ที่หิ่งห้อยอยู่ และการจัดท่องเที่ยวก็ควรมาจากชาวบ้านในพื้นที่ไม่ใช่มาจากบริษัทท่องเที่ยวและหากมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดี ย่อมนำมาซึ่งรายได้แก่ชุมชนเจ้าของพื้นที่ในที่สุด
                ข้อควรปฏิบัติในการล่องเรือชมหิ่งห้อย
             นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่สมุทรสงคราม สามารถที่จะเช่าเรือล่องชมหิ่งห้อยได้ตามสถานที่ต่าง ๆ และควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่ควรดื่มสุรา หรืออื่นๆ ในระหว่างล่องเรือ เพราะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
- ไม่ควรส่งเสียงดัง เพราะหิ่งห้อยจะไม่ชอบเสียงดัง และจะเป็นการรบกวนผู้อื่น โดยเฉพาะชาวบ้านซึ่งอยู่ในบริเวณนั้นๆ
- ควรนั่งเรือตรงกลาง ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
- ใส่ชูชีพทุกครั้ง และควรใส่ตลอดเวลา ไม่ถอดออกระหว่างการเดินทาง
- ไม่ทิ้งเศษอาหาร หรือขยะอื่น ๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง
- ไม่จับหรือทำสิ่งใดที่เป็นการรบกวนหิ่งห้อยโดยเด็ดขาด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการและผู้ขับเรือโดยเคร่งครัด
หิ่งห้อย มีชื่อสามัญเป็นภาษาอังกฤษว่า Firefly หิ่งห้อย แมลงปีกแข็งที่สามารถเรืองแสงได้ในเวลากลางคืน มักอาศัยใกล้แหล่งน้ำที่สะอาดตามต้นไม้ริมน้ำ เช่น ต้นกกและต้นลำพู

เพราะอะไรหิ่งห้อยจึงกะพริบ
            เมื่อหิ่งห้อยหนุ่มพบหิ่งห้อยสาวที่หมายปอง มันก็จะกระพริบแสงเป็นจังหวะของมัน ถ้าหิ่งห้อยสาวพอใจก็จะกระพริบตอบด้วยจังหวะเดียวกัน จากนั้นทั้งสองก็ผสมพันธ์ เมื่อหิ่งห้อยสาวตั้งท้องและวางไข่มันก็จะตายจากไปแสงของหิ่งห้อยเกิดจากสาร เรืองแสงในตัวของมัน ซึ่งเปล่งออกมาบริเวณปลายปล้องท้อง และในอดีตคนเรายังใช้แสงหิ่งห้อยเป็นเครื่องนำทางสร้างความสวยงามให้กับธรรมชาติในยามค่ำคืน

                หิ่งห้อยทำไมถึงอยู่ต้นลำพู
             หิ่งห้อย ไม่ได้อยู่เพียงแต่ต้นลำพู เพียงเพราะว่า หิ่งห้อยตัวเต็มวัยไม่กินอาหารเพียงแต่กินน้ำหรือน้ำค้างที่เกาะอยู่ตาม ใบไม้ ต้นลำพูเป็นพืชที่มีขนที่ใบจึงทำให้น้ำค้างเกาะอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารของหิ่งห้อยอย่างดี
เรืองแสงสีสวยงดงามที่บริเวณส่วนก้นของมันได้อย่างไร ... จริงไหม
                 หิ่งห้อย เป็นแมลงประเภทที่ผลิตแสงได้ (Light-producing insects) แสงของหิ่งห้อยเกิดจากปฏิกริยาทางเคมีของสารที่ชื่อว่า Luciferin ซึ่งอยู่ในอวัยวะผลิตแสง ทำปฏิกริยากับออกซีเจนในหลอดลม แสงของหิ่งห้อยที่เราเห็นมีความสว่างตั้งแต่ 1/50 ถึง 1/400 แรงเทียน ซึ่งถ้านำมารวมกันมากๆก็สามารถใช้อ่านหนังสือในคืนเดือนมืดได้ทีเดียว


                หิ่งห้อยทำไมจึงมีแสง 
               แสงที่เกิดจากหิ่งห้อยเป็นแสงที่ไม่มีความร้อน เราเรียกแสงที่เกิดขึ้นโดยปราศจากความร้อนว่า แสงนวล (Luminescence) แสงในตัว หิ่งห้อยเกิดจากสารลูซิเฟอริน (Luciferin) ซึ่งจะรวมตัวกับออกซิเจนในขณะที่เกิดปฏิกิริยาแสงสว่าง แต่ปฏิกิริยานี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีสารลูซิเฟอเรส (Luciferase) อยู่ด้วย ลูซิเฟอเรสทำหน้าที่เป็นตัวช่วย(catalyst) ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นเท่านั้นปริมาณแสงสว่างที่เกิดจากหิ่งห้อยมีน้อยมาก คือ เพียงประมาณ 
1 ใน 1,000 ของแสงสว่างจากเทียนไขธรรมดา เราสามารถประดิษฐ์แสงแบบนี้ได้ในห้องทดลอง แต่สารทั้งสองคือ ลูซิเฟอริน และลูซิเฟอเรส ต้องได้มาจากตัวหิ่งห้อยโดยตรง เพราะนักเคมียังไม่สามารถสังเคราะห์สารทั้งสองนี้ได้ 
                สงสัยไหมทำไมหิ่งห้อยถึงมีแสง 
          หิ่งห้อยมีแสงในตัวเพราะมีสารพิเศษวันนี้ได้คำตอบแล้วว่าทำไมหิ่งห้อยถึงมีแสง แล้วตัวผู้กับตัวเมียอันไหนแสงสวยกว่ากัน หิ่งห้อยน้ำจืดกับหิ่งห้อยน้ำกร่อยก็ตัวไม่เท่ากัน 
          แสงของหิ่งห้อยเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของสาร Luciferin ซึ่งอยู่ในอวัยวะทำแสง ทำปฏิกิริยาโดยใช้หลอดลม มีเอนไซม์ Luciferase เป็นตัวกระตุ้นและมีสาร Andenosine triphosphate (ATP) เป็นตัวให้พลังงาน สำหรับเรื่องความสวนงามของการกระพริบแสงแล้วัวผู้จะสวยกว่าเพราะต้องล่อตัวเมียมาผสมพันธุ์ 
                วงจรชีวิตของหิ่งห้อย 
          เป็นไข่ 9 วัน เป็นหนอน 79 วัน ดักแด้ 6 วัน โตไม่เกิน 1 เดือนก็ตาย สงสัยเลยถามทำไมชีวิตช่วงเป็นหนอนนานกว่าผีเสื้อ เพราะว่าร่างกายของหิ่งห้อยมีเปลือกแข็งห่อหุ้มร่างกายทำให้ต้องใช้เวลาในการพัฒนานาน ตอนเป็นหนอนดักแด้อาศัยอยู่ในดิน และจะกินไข่ของหอยเชอรี่(หิ่งห้อยน้ำกร่อยเท่านั้นนะ)
         หิ่งห้อยชอบอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ หรือตามพื้นที่ชุ่มชื้นใกล้หนองน้ำ หรือลำธารที่มีน้ำใสสะอาดในเวลากลางวันหิ่งห้อยจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามพงหญ้าหรือวัชพืช หรือหลบตามกาบไม้ซอกไม้ต่างๆ ในเวลากลางคืนจึงบินออกมาจับคู่ผสมพันธุ์และวางไข่ และที่สำคัญตรงนั้นต้องเป็นน้ำนิ่งไม่มีมลพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น ตามทุ่งนาและบ่อน้ำตามชนบท บางชนิดอยู่ตามดินในป่าและตามป่าชายเลน ต้นไม้ที่หิ่งห้อยชอบเกาะกระพริบแสง ไม่ไช่ต้น ลำพู อย่างเดียวส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่มีใบโปร่ง ในธรรมชาติพบเกาะอยู่ตาม ต้นแสม ต้นโกงกาง ต้นโพทะเลโดยเฉพาะป่าชายเลนที่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ โดยหิ่งห้อยจะกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้รวมทั้งต้นไม้ที่อยู่ตามริมน้ำต่างๆ
                คุณสมบัติของหิ่งห้อย
         ( มนุษย์ต้องประดิษฐ์หลอดไฟให้แสงสว่าง แต่หิ่งห้อยนั้นสามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวมันเอง)
          1. แสงของหิ่งห้อยนั้น มีระดับแสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ และมีลักษณะเป็นแสงเย็น ซึ่งมีพลังงานความร้อนเกิดขึ้นเพียง 10% จึงต่างจากหลอดไฟทั่วไปที่ปล่อยพลังงานความร้อนออกมาถึง 95% จึงได้มีผู้ที่พยายามศึกษาปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในหิ่งห้อย เพื่อออกแบบการผลิตแสง ที่ไม่สิ้นเปลืองขึ้นมาใช้ในอนาคต
          2. หิ่งห้อยจะมีการกะพริบแสงทุก ๆ 24 ชั่วโมง เหมือนมันมีนาฬิกาใจในตัว เพราะเวลาที่เรานำหิ่งห้อยมาขังไว้ในห้องมืดที่ไม่มีแสงเลย ก็จะเห็นว่า ในทุก ๆ 24 ชั่วโมงมันจะกะพริบแสง ทั้ง ๆ ที่มันไม่รู้เลยว่า ขนาดนั้นเป็นเวลาอะไร 
          3. หิ่งห้อยมีเซลล์ สองเซลล์ที่ใช้ในการสื่อสารซึ่งมีสองเซลล์คือ เซลล์ประสาท(octopamine) และเซลล์แสง (phtocyte) ซึ่งสามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกันด้วยแก๊ส No
ซึ่งในตัวหิ่งห้อยก็มีอยู่เช่นเดียวกัน เพื่อจะได้ติดต่อสื่อสารกับตัวอื่น ๆได้
        4. แสงจากหิ่งห้อยสามารถใช้เป็นตะเกียง ให้แสงสว่างได้เพราะในอดีตคนจีนโบราณ
และคนบราซิลที่ยากจนมักจะจับหิ่งห้อยใส่ในขวดแก้วเพื่อใช้เป็นตะเกียงพบว่าหิ่งห้อยที่โตเต็มที่ประมาณ 6 ตัวสามารถให้แสงสว่างที่เพียงพอ เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือในเวลากลางคืนได้ คนญี่ปุ่นในสมัยก่อนก็นิยมใช้ตะเกียงหิ่งห้อยเช่นเดียวกัน
       5. นอกจากจะนำมาใช้เป็นตะเกียงแล้ว ชาวบ้านที่ยากจน ก็นิยมจับหิ่งห้อยมาใส่กรงกระดาษเล็ก ๆ เพื่อนำมาติดเป็นตุ้มหู
               
                ความลับของหิ่งห้อย ทำไมหิ่งห้อยต้องอยู่ใต้ต้นลำภู
             เคยสงสัยไหมว่าทำไมใครๆถึงพากันคิดว่า หิ่งห้อยมักจะอยู่ใต้ต้น ลำภู เท่านั้น เอ๊ะ ! หรือว่าจริงๆแล้ว หิ่งห้อยก็อยู่ในทุกๆที่เพียงแต่เราไม่เคยสังเกตมันเท่านั้นเอง จริงๆแล้วคำตอบของมันก็เพราะ หิ่งห้อยคืออะไร
             หิ่งห้อย มีชื่อสามัญเป็นภาษาอังกฤษว่า Firefly หิ่งห้อย แมลงปีกแข็งที่สามารถเรืองแสงได้ในเวลากลางคืน มักอาศัยใกล้แหล่งน้ำที่สะอาดตามต้นไม้ริมน้ำ เช่น ต้นกกและต้นลำพู
                เพราะอะไรหิ่งห้อยจึงกะพริบ
        เมื่อหิ่งห้อยหนุ่มพบหิ่งห้อยสาวที่หมายปอง มันก็จะกระพริบแสงเป็นจังหวะของมัน ถ้าหิ่งห้อยสาวพอใจก็จะกระพริบตอบด้วยจังหวะเดียวกัน จาก นั้นทั้งสองก็ผสมพันธ์ เมื่อหิ่งห้อยสาวตั้งท้องและวางไข่มันก็จะตายจากไปแสงของหิ่งห้อยเกิดจากสาร เรืองแสงในตัวของมัน ซึ่งเปล่งออกมาบริเวณปลายปล้องท้อง และในอดีตคนเรายังใช้แสงหิ่งห้อยเป็นเครื่องนำทาง
สร้างความสวยงามให้กับธรรมชาติในยามค่ำคืน

                หิ่งห้อยทำไมถึงอยู่ต้นลำพู
               หิ่งห้อย ไม่ได้อยู่เพียงแต่ต้นลำพู เพียงเพราะว่า หิ่งห้อยตัวเต็มวัยไม่กินอาหารเพียงแต่กินน้ำหรือน้ำค้างที่เกาะอยู่ตาม ใบไม้ ต้นลำพูเป็นพืชที่มีขนที่ใบจึงทำให้น้ำค้างเกาะอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารของหิ่งห้อยอย่างดี
หิ่งห้อยไทยชอบอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ หรือตามพื้นที่ชุ่มชื้นใกล้หนองน้ำ หรือลำธารที่มี---น้ำใสสะอาด--โดยเฉพาะป่าชายเลนที่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ เพราะลูกหิ่งห้อยเป็นหนอนตัวน่าเกลียดในน้ำ จับสัตว์น้ำอื่นกิน
             ประเทศอื่นๆที่มีหิ่งห้อย ในยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา และอาฟริกา คงจะไม่มีต้นลำพูเหมือนบ้านเราแต่อาจจะมีต้นโกงกางบ้าง..ต้นไม้ขึ้นใกล้น้ำ-ชนิดอื่นๆ-บ้าง
เคยเห็นหิ่งห้อยเป็นพันๆตัวในเวลากลางคืนที่ริมพรมแดนไทย-พม่าด้านที่ไม่ติดกับแม่น้ำด้วยซ้ำไปเพียงแต่มีคลองน้ำใสเล็กๆไหลผ่าน..และอาจจะมีสระเลี้ยงปลาที่สะอาดจากน้ำธรรมชาติ
และแถวนั้นไม่มีต้นลำพูและโกงกาง แน่นอน(เพราะน้ำจืดสนิท-ไม่ใช่น้ำกร่อย)
จึงยืนยันได้ว่า..ต้นลำพูและหิ่งห้อย..เป็นความบังเอิญหรือความจำเป็นของชาวประชาหิ่งห้อยแถวอัมพวาเท่านั้นธรรมชาติของหิ่งห้อย ในเวลากลางวันหิ่งห้อยจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามพงหญ้าหรือวัชพืช หรือหลบตามกาบไม้ซอกไม้ต่างๆที่สำคัญ บริเวณนั้นต้องไม่มีมลพิษจากสิ่งแวดล้อมมากมายนักจึงเป็นตัวชี้อันหนึ่งว่า..ถ้ามีหิ่งห้อย สภาพแวดล้อมก็ยังดีอยู่..แต่คงไม่ใช่เอาเรื่องนี้ เพียงเรื่องเดียวมาเป็นเครื่องวัดระบบนิเวศน์ เพราะ จริงๆแล้ววัฏจักรของหิ่งห้อยมีมากกว่านั้นมากมาย

ชนิดหิ่งห้อยที่มีอยู่ในสวนลำพูบางกระสอบ
หิ่งห้อยน้ำจืด ชนิดใหม่ของโลก
Luciola aquatilis

         นักวิจัยไทยค้นพบหิ่งห้อยชนิดใหม่ของโลก เอกลักษณ์เด่นคือ ระยะตัวหนอนมีรูปร่างที่แตกต่างกันถึงสามแบบ ส่วนการกะพริบแสงไว้สื่อสารกันในช่วงผสมพันธุ์ มีมากถึงสี่แบบ ระบุขณะนี้สามารถคิดค้นเทคนิคการเพาะเลี้ยงได้สำเร็จ เล็งจดสิทธิบัตร เชื่อเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา และพัฒนาเป็นยารักษาโรคหอบหืดในอนาคต รวมทั้งการอนุรักษ์หิ่งห้อยได้อย่างยั่งยืน
                   เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดเสวนาเรื่อง "การถอดรหัสงานวิจัยหิ่งห้อย ปริศนาการกะพริบแสงสู่ความสำเร็จการเพาะเลี้ยง" โดย น.ส.อัญชนา ท่านเจริญ  อาจารย์ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้บรรยาย ในฐานะผู้ทำการศึกษาวิจัยด้านชีววิทยา และพฤติกรรมการผสมพันธุ์ของหิ่งห้อยน้ำจืด ภายใต้การสนับสนุนของโครงการปริญญาเอกกาญจนภิเษก (คปก.) และภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
                น.ส.อัญชนากล่าวว่า จากการศึกษาหิ่งห้อยน้ำจืดของประเทศไทยในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ได้ค้นพบหิ่งห้อยน้ำจืดชนิดใหม่ของโลก และตั้งชื่อว่า Luciola aquatilis ซึ่งเดิมมีความเข้าใจว่าเป็นหิ่งห้อยอีกชนิดหนึ่ง ที่พบเห็นกันทั่วไป แต่เมื่อได้ศึกษาค้นคว้า ในส่วนของการผสมพันธุ์อย่างจริงจัง ปรากฏว่าเป็นหิ่งห้อยที่มีรูปร่าง และพฤติกรรมน่าสนใจ แตกต่างจากหิ่งห้อยชนิดอื่นๆ โดยสามารถพบเห็นได้ตามแหล่งน้ำจืด ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ อีกทั้งผลการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองพบว่า มีอัตราการรอดสูง แต่จะต้องเร่งศึกษาและพัฒนาเทคนิคอื่นๆ เพิ่มเติม ก่อนยื่นจดสิทธิบัตรการเพาะเลี้ยงหิ่งห้อยในอนาคต
                นักวิจัย ผู้ค้นพบหิ่งห้อยชนิดใหม่ของโลก กล่าวว่า จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของหิ่งห้อยชนิดนี้คือ บริเวณโคนปีกมีสีน้ำตาลเข้มกว่าปีกส่วนอื่นๆ ส่วนความพิเศษในช่วงระยะตัวหนอนนั้น มีรูปร่างถึงสามแบบ โดยเฉพาะการกะพริบแสงเพื่อถ่ายทอดภาษารัก มีมากถึงสี่แบบคือ ช่วงแต่งตัว ช่วงหาคู่ ช่วงเกี้ยวพาราสี และช่วงผสมพันธุ์ ขณะที่หิ่งห้อยในแถบยุโรปและอเมริกา มีการกะพริบแสงเพียงแบบเดียว 
                 "หิ่งห้อยตัวผู้ จะกะพริบแสงถี่เป็นจังหวะต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากตัวเมีย หากตัวเมียกะพริบแสงตอบ  หิ่งห้อยตัวผู้จะเข้ามาขี่หลังตัวเมียเพื่อจับจอง พร้อมทั้งเริ่มกะพริบแสงช้าลง เมื่อผสมพันธุ์ทั้งตัวผู้ และตัวเมียจะหันก้นชนกัน ช่วงนี้มีการกะพริบแสงสว่างมาก และจังหวะมืดนาน เพื่อเตือนภัยไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นเข้าใกล้" น.ส.อัญชนาระบุ
                 สำหรับในส่วนของการเพาะเลี้ยงหิ่งห้อย ซึ่งเตรียมจดสิทธิบัตรนั้น น.ส.อัญชนา เผยว่า แม้ว่าหิ่งห้อยจะเป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความยุ่งยากซับซ้อนในการเพาะเลี้ยง เนื่องจากมีวงจรชีวิตยาวนาน ตั้งแต่ระยะวางไข่ ตัวหนอน ดักแด้และตัวเต็มวัย แต่คณะวิจัยสามารถคิดค้นเทคนิคการเพาะเลี้ยงได้สำเร็จแล้ว โดยมีหลักการคือ จัดหาสภาพการเลี้ยง และชนิดอาหารที่เหมาะสมต่อหิ่งห้อยทั้งสี่ระยะ อย่างไรก็ดี ผลความสำเร็จจากการศึกษาครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจถึงชีววิทยา และพฤติกรรมอันจะนำไปสู่การอนุรักษ์หิ่งห้อยอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้พัฒนาต่อยอดทางด้านการแพทย์ เนื่องจากในตำรายาโบราณพบว่า มีการนำมาใช้ในการรักษาโรคหอบหืดได้เป็นผลดี
                  น.ส.อัญชนา กล่าวอีกว่า ในต่างประเทศ เริ่มมีการศึกษาฤทธิ์ของสารชีวภาพในหิ่งห้อย สำหรับรักษาโรค แต่ยังถูกโจมตีจากนักอนุรักษ์ เพราะต้องจับหิ่งห้อยในธรรมชาติ ทั้งนี้ เมื่อเราสามารถเพาะเลี้ยงหิ่งห้อยได้ ก็เป็นผลดีในการจัดทำสวนหิ่งห้อยเพื่อส่งเสริมการศึกษา หรือการอนุรักษ์ โดยปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ และขณะนี้ได้มีประเทศรัสเซียและอเมริกา ติดต่อให้ไปเพาะเลี้ยง เพื่อจัดทำสวนจำลองหิ่งห้อย สำหรับการศึกษาของเยาวชนแล้ว และจะเตรียมนำไปจัดแสดง ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 8-22 สิงหาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา 
หิ่งห้อยน้ำกร่อย
Pteroptyx valida – pteroptyx malaccae

   

                                               

                  
                หิ่งห้อยมะละกา เป็นหิ่งห้อยชนิดที่พบได้ตามพื้นที่น้ำกร่อยและป่าชายเลน ตัวเต็มวัยมีขนาดยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร เพศผู้มีอวัยวะในการทำแสงอยู่ที่ปลายท้องสีเหลืองอ่อน 2 ปล้องส่วนเพศเมียมี 1 ปล้อง การเลี้ยงในห้องปฏิบัตการใช้แอปเปิ้ลเป็นอาหารในระยะตัวเต็มวัย และหอยชนิด Assiminea sp. เป็นอาหารในระยะตัวหนอน วงจรชีวิตของหิ่งห้อยในห้องปฏิบัติการ ใช้เวลาตลอดทั้งวงจรเฉลี่ย 123 วัน ตัวเต็มวัยมีอายุเฉลี่ย 12 วัน ระยะไข่ หนอน และดักแด้ใช้เวลา 12, 98 และ 10 ตามล้าดับ และเมื่อเป็นตัวเต็มวัยจะมีสัดส่วนเพศผู้ต่อเพศเมียเท่ากับ 4 : 1 
                หิ่งห้อยปีกพับวาลิดา (Pteroptyx valida Olivier) มีขนาดใหญ่กว่าหิ่งห้อยปีกพับมะละกา
เล็กน้อย มีความยาว 8-9 มิลลิเมตร ในเพศผู้ปลายปีกส่วนที่พับลงมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
และมีอวัยวะทาแสงอยู่ด้านล่างของท้องปล้องที่ 6 และ 7 เพศเมียมีอวัยวะทาแสงอยู่ที่ ด้านล่างของ
ท้องปล้องที่ 6
                หิ่งห้อยปีกพับพบได้ตลอดปี แต่ปริมาณที่พบแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ได้มีการศึกษาหา
ปริมาณของหิ่งห้อยปีกพับมาละกาในช่วงฤดูกาลต่างๆของปีบริเวณปากแม่น้ าท่าจีน จังหวัด
สมุทรสาคร พบว่าเดือนที่มีหิ่งห้อยมากที่สุดคือเดือนกันยายน และมีหิ่งห้อยน้อยที่สุดคือเดือนเมษายน
สำหรับหิ่งห้อยที่คลองน้ำเชี่ยวยังไม่มีการศึกษาหาปริมาณที่พบในช่วงฤดูกาลต่างๆ แต่สันนิษฐานว่า
คงเป็นไปตามที่ศึกษาที่จังหวัดสมุทรสาคร




หิ่งห้อยบก
Pyrocoelia praetexta Olivier

 

                ตัวเต็มวัยเพศเมียของหิ่งห้อย Pyrocoelia praetexta Olivier สามารถวางไข่ได้โดยเฉลี่ย 151.30+-10.33 ฟอง ไข่มีสีเหลืองอ่อน มีระยะไข่โดยเฉลี่ย 2+-0.49 วัน ตัวหนอนมี 5 วัย แต่ละวัยใช้เวลาเฉลี่ย 11.10+-2.55, 15.90+- 0.70, 22.30+-1.79, 51.20+-10.60 และ 75.70+-3.35 วัน ตามลำดับ ขนาดความยาวเฉลี่ยของหนอนแต่ละวัย คือ 5.80+-0.87, 12.50+-1.36, 20.30+-1.10, 25.40+-2.20 และ 32.60+-1.50 มิลลิเมตรตามลำดับ หนอนวัยที่ 4 และ 5 จะมีอวัยวะทำแสงอยู่บริเวณปลายท้องปล้องสุดท้าย และมีแผ่นแข็งปล้องแรกยื่นคลุ่มส่วนหัวเห็นได้ชัดเจน บริเวณด้านข้าง และด้านล่างของลำตัวมีแถบสีส้มอมแดง 2 แถบ พาดตามความยาวของลำตัวตั้งแต่อกปล้องแรกจนถึงปลายท้องปล้องสุดท้าย ดักแด้เป็นแบบเอกซาเรท มีสีเหลืองอ่อนอมชมพู ระยะดักแด้เฉลี่ย 6.40+-0.49 วัน ตัวเต็มวัยเพศเมียมีลักษณะคล้ายหนอน มีปีกลดรูปไม่สามารถบินได้ ลำตัวสีน้ำตาลแดงแผ่นแข็งปล้องแรกมีสีส้มอมแดง ความยาวลำตัวเฉลี่ย 30.80+-0.75 มิลลิเมตร อายุเฉลี่ย 28.60+-1.20 วัน ตัวเต็มวัยเพศผู้มีปีกสีดำ ปิดปกคลุมลำตัวจนถึงส่วนปลายท้อง ขอบปีกสีเหลืองอ่อน ลำตัวยาวเฉลี่ย 13.50+-0.67 มิลลิเมตร อายุเฉลี่ย 22.70+-0.64 วัน การทราบรายละเอียดของหิ่งห้อยชนิดนี้เป็นแนวทางการจัดการเพาะเลี้ยงหิ่งห้อยให้ได้จำนวนมากและ การกำจัดหอยโดยชีววิธี10 ill., 3 tables

นิทานหิ่งห้อยกับดวงดาว

นิทานเรื่องเล่า : ตำนานรักอันยิ่งใหญ่...ของหิ่งห้อยและต้นลำพู
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGqB0cphhEOYAciu739CFn6viqdi8iyCTkd_zSvsN5DSmGtgyPEtZh6yFQ2ijKRxWIMSmBF4RwGn1C2rI6dG2X_qmhs0VlE66sfmlJv1Ar9gNy-1pSqWr5o05V2hPRzeuLKltuE18wpM0/s1600/7.jpg
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มชาวสวนผู้ขยันขันแข็งชื่อลำพู ได้ปลูกพืช ผัก และต้นไม้ทั้งหลาย ไว้ในสวนของเขาอย่างมากมาย ทำให้สวนของลำพูมีแต่ความร่มรื่น

หิ่งห้อย คือสาวน้อยแสนสวยประจำหมู่บ้าน นางเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวาน มีจิตใจอ่อนโยน และนางเป็นที่รักของชายหนุ่มลำพู.. ทุกๆเย็น สาวน้อยหิ่งห้อยจะมานั่งพลอดรักกับคู่รักของนาง ที่สวนของชายหนุ่มเป็นประจำ

ภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีเศรษฐีคนหนึ่ง มีลูกสาวที่ชื่อว่าโกงกาง โกงกางเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยว และบ้าบิ่น สิ่งใดที่นางต้องการ นางจะต้องหาทางเอามาให้ได้ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะได้มาด้วยความยากลำบากสักเพียงใด

วันหนึ่งโกงกางได้เดินทางไปถึงสวนของชายหนุ่มลำพู นางชื่นชมในความร่มรื่นของสวนยิ่งนัก จึงได้สั่งให้คนรับใช้ไปตามเจ้าของสวนออกมาพบ แต่ทว่า พอนางได้พบหน้าหนุ่มลำพู นางก็หลงใหลในตัวของชายหนุ่มยิ่งนัก

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgpGdEDqfcHUPX2aPW1dCH9zeRa7HmWlTpPG_Naa37iauqZQoTBTBIM4s1AhrFDxtPGA7DVx8pyd_m6xXAaX7KFLFLC8-vTcDdeV5CRH7tn0iFtVGc1mvtAFR9gkIQX4ltOHnYRJD13DU/s1600/legen.jpg
โกงกางได้แต่พร่ำเพ้อหาหนุ่มลำพู นางต้องการหนุ่มลำพูมาเป็นคู่ครองของนางให้ได้ โดยที่ไม่สนใจว่าหนุ่มลำพูมีคู่รักอยู่แล้วก็คือ สาวหิ่งห้อย ลำพูอึดอัดใจเป็นยิ่งนัก เพราะชายหนุ่มปฎิเสธความรักของสาวโกงกางอย่างไม่ใยดี สาวกิ่งก้านรุกหนัก ไม่ยอมแพ้ และนั่นทำให้หนุ่มลำพูตัดสินใจชวนคนรัก แม่สาวหิ่งห้อย หนีไปด้วยกัน สาวหิ่งห้อยตอบตกลง คนรักทั้งคู่นัดกันในคืนเดือนแรมที่จะมาถึงนี้ บริเวณสวนของชายหนุ่ม

แต่นั่นไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของสาวโกงกาง เมื่อถึงคืนเดือนแรม ในเวลานัด สาวโกงกางก็คืออุปสรรคความรักของลำพู และหิ่งห้อย

ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง มีแต่เพียงชายหาปลาคนหนึ่งเท่านั้น ที่มองเห็นว่า สาวโกงกางยื้อยุด ฉุดกระชากหนุ่มลำพูไว้ และหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครได้พบกับทั้ง 3 คนอีกเลย...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น